วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ยามตั้งครรภ์

เรื่องน่ารู้ยามตั้งครรภ์

คุณแม่ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากจะต้องเผชิญกับอาการแทรกซ้อนต่างๆ แล้ว พบว่า บางครั้งอาจมีอาการอ่อนเพลียเกิดขึ้นได้ ก็ไม่ต้องแปลกใจหากจะได้ยินคุณแม่บ่นว่า รู้สึกเหนื่อยง่ายอะไรทำนองนี้ ไม่เพียงแค่บ่น คุณแม่บางท่านยังรู้สึกวิตกกังวลกับอาการอ่อนเพลียดังกล่าว เกรงว่าจะมีความผิดปกติกับทารกในครรภ์ด้วย

จริงๆ แล้ว อาการอ่อนเพลียในระหว่างตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงอย่าเก็บมากังวลให้มากนัก ถ้าอยากให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น คุณแม่ควรหาเวลาเอนหลัง พักผ่อนสัก 2 ชั่วโมง ในแต่ละวันก็จะช่วยได้มาก แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็อาจหาเวลาผ่อนคลายร่างกาย อย่างน้อย 10 นาทีทุกวัน อย่างเช่น การทำสมาธิ เป็นต้น

นอกจากนั้น ให้พยายามอย่านอนดึก ถ้าเป็นไปได้ควรเข้านอนแต่หัวค่ำเป็นประจำทุกคืน แต่ในกรณีที่คุณแม่มีลูกเล็กๆ ที่ยังคงต้องดูแล ควรหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระลงไปบ้าง จะได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่

แม้ว่าอาการอ่อนเพลีย จะเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ แต่ก็อย่าชะล่าใจ หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เป็นต้นว่า เวียนศีรษะ, หายใจไม่ทัน เพราะอาจเป็นอาการของโรคโลหิตจางได้ โรคโลหิตจางไม่เป็นผลดีต่อการตั้งครรภ์แน่ ดังนั้น หากมีอาการอ่อนเพลียร่วมกับอาการอื่นๆ ดังกล่าว คุณแม่อาจปฏิบัติตัวดังนี้ คือ เริ่มจากดูแลตนเองในเบื้องต้น ด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยแร่เหล็กเพิ่มขึ้น เช่น ตับ, เนื้อไม่มีมัน, ข้าวกล้อง, ผักใบเขียว, ถั่วต่างๆเป็นต้น และเพื่อความมั่นใจควรไปปรึกษาสูติแพทย์ จะได้ทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจ ในกรณีที่พบว่าเป็นอาการของโรคโลหิตจางจริง แพทย์จะพิจารณาให้วิตามินเสริมธาตุเหล็ก รับประทานตามความเหมาะสม ที่สำคัญคือ คุณแม่อย่าวินิจฉัยเอง หรือรักษาตัวเอง เพราะอาจเข้าใจผิด หรือรักษาผิดแนวทาง ซึ่งจะเป็นผลเสียทั้งต่อตัวคุณแม่ และพาลไปถึงลูกน้อยในครรภ์ด้วย

อีกเรื่องที่บรรดาคุณแม่มักสงสัย หากรับประทานอาหารแต่ละมื้ออย่างครบถ้วน ยาบำรุงครรภ์ยังมีความจำเป็นอีกหรือไม่ อยากเรียนให้ทราบว่า แม้อาหารที่รับประทานจะครบถ้วน กระนั้น ก็ยังมีแร่ธาตุและวิตามินไม่เพียงพออยู่ดี จึงจำเป็นที่คุณแม่จะต้องรับประทานยาบำรุงครรภ์อย่างต่อเนื่องตลอดการตั้ง ครรภ์

ส่วนที่ว่าทำไมแร่ธาตุและวิตามินที่ได้รับจากอาหารถึงไม่เพียงพอ ข้อนี้มีคำอธิบายง่ายๆครับ เนื่องจากทารกที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์นั้น จำเป็นต้องใช้ธาตุอาหารต่างๆ เป็นจำนวนมากนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ทารกมีการสร้างสมอง และระบบประสาท จำเป็นต้องอาศัย “วิตามินบี” ในปริมาณมาก เช่นเดียวกับการสร้างกระดูก ที่ต้องการ “แคลเซียม” จำนวนมากเช่นกัน หรือการที่ร่างกายต้องการ “ธาตุเหล็ก” ในการสร้างเม็ดเลือดเพิ่มขึ้น เนื่องจากระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะมีการสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะสามารถนำอาหารและออกซิเจน ไปเลี้ยงทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยได้อย่างเพียงพอ


คงเห็นถึงความจำเป็นของยาบำรุงครรภ์กันแล้วนะครับ ดังนั้น หากคุณแม่ไปฝากครรภ์ แล้วได้รับยาบำรุงครรภ์ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์จัดให้อย่างเคร่งครัด ประเภทรับประทานบ้าง หยุดบ้าง บางทีก็อ้างว่าลืม อย่างนี้มีแต่เป็นผลเสีย ถ้าไม่คิดถึงสุขภาพของตนเอง ก็น่าจะคำนึงถึงสุขภาพที่ดีของทารกน้อยในครรภ์เอาไว้ให้มากๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น